Happy Friday 🥲
根據非正式統計,大部份嘅甩單或者Reject offer多數都係星期五。
做得依行都超過10年,其實已經平常心,求職者當然有更好的選擇、其他安排。
感激這一位求職者,其實佢算好有交帶,起碼星期五同我講,唔係星期一No show或者提前兩個鐘先話唔返工。
話時話,我都好耐冇甩過單了。
就係咁,有個新嘅職位:
HR & Admin Officer
- 26-28K
- 銅鑼灣上班
- 美國Nasdaq上市,本地生物科技公司
有意請PM。
JD on JobsDB: Fillture Group
https://hk.jobsdb.com/hk/en/job/human-resources-administration-officer-20-28k-100003008650962
#Fillturegroup
#職位空缺
nasdaq jd 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
รู้จัก Reflation หนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น / โดย ลงทุนแมน
การระบาดของโควิด 19 ตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
สร้างความบอบช้ำอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
แต่หลายคนคงแปลกใจว่า เศรษฐกิจไม่ดีแต่ทำไม ราคาสินทรัพย์หลายอย่างทั่วโลกกลับพุ่งสูงขึ้นทำลายสถิติกันเป็นว่าเล่น
ถ้าลองมาดูราคาและดัชนีเหล่านี้ เทียบกับช่วงต้นปี 2019
- ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นประมาณ 23%
- ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นประมาณ 47%
- ราคาทองคำ เพิ่มขึ้นประมาณ 18%
- ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นประมาณ 400%
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เราสามารถหยิบเอาปรากฏการณ์ “Reflation” ขึ้นมาใช้อธิบายได้
Reflation คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์หลายอย่างนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ง่ายๆ แค่เปิด Radars Point ทุกครั้งก่อนช้อป
ดาวน์โหลดที่นี่ > https://radarspoint.page.link/longtunman
╚═══════════╝
ปกติแล้ว ถ้าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เกิดการเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้า
หรือที่เรียกว่า การเกิดภาวะเงินเฟ้อ (Inflation)
แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ อย่างเช่นวิกฤติโควิด 19 ในตอนนี้
ที่ทำให้ต่างคนต่างไม่กล้าใช้เงินเหมือนเดิม
สิ่งที่เราเห็นกันคือ ผู้คนเริ่มระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
หรือภาคธุรกิจไม่กล้าลงทุน เพราะต้องการถือเงินสดเอาไว้
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ลดต่ำลง
จนบางครั้งเงินเฟ้ออาจติดลบ หรือที่เรียกว่าเกิดภาวะเงินฝืด (Deflation)
ซึ่งจะฉุดให้เศรษฐกิจโลกไม่เติบโต หรือเติบโตได้ช้าลง
เมื่อเกิดภาวะเช่นนี้ หน้าที่ของธนาคารกลางทั่วโลก
คือต้องออกมาตรการกระตุ้น เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และกลับมาเติบโตต่อไปได้
โดยสิ่งที่ธนาคารกลางทำได้ก็คือ
1. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจ
2. ทำการอัดฉีดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า การทำ Quantitative Easing (QE)
ช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นธนาคารกลางทั่วโลก
ต่างลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจนเข้าใกล้ระดับ 0%
เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจ
และลดผลตอบแทนเงินฝาก เพื่อกระตุ้นให้คนนำเงินไปใช้กันให้มากขึ้น
ที่สำคัญที่สุดคือการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ
หรือที่เรียกว่า การทำ Quantitative Easing (QE)
ที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังทำกันอย่างหนัก
ลองมาดูการทำ QE ของธนาคารกลาง 4 รายใหญ่ของโลกในช่วงระหว่างปี 2020
ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19
ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ทำ QE เพิ่มขึ้น 93 ล้านล้านบาท
ธนาคารกลางยุโรปทำ QE เพิ่มขึ้น 87 ล้านล้านบาท
ธนาคารกลางญี่ปุ่นทำ QE เพิ่มขึ้น 39 ล้านล้านบาท
ธนาคารกลางอังกฤษทำ QE เพิ่มขึ้น 9 ล้านล้านบาท
โดยวิธีการดังกล่าว ธนาคารกลางจะเข้าไปซื้อตราสารหนี้ทั้งของภาครัฐและเอกชน
แล้วหน่วยงานเหล่านั้น ก็จะนำเงินไปกระตุ้นภาคเศรษฐกิจจริงต่อไป
เพื่อหวังให้เกิดการผลิตเพิ่มขึ้น และการจ้างงานเพิ่มขึ้น ในระบบเศรษฐกิจ
การกระทำทั้งหมดที่ว่ามานี้
ก็เพื่อเร่งให้เศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อกลับเข้าไปสู่เส้นทางการเติบโตระยะยาว
ซึ่งการที่อัตราเงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้น
เพราะการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนัก
เพื่อหวังให้เศรษฐกิจกลับสู่การเติบโตในระยะยาวแบบนี้
ก็คือความหมายของการเกิด “Reflation” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า เงินที่อัดฉีดทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) เพราะเงินจำนวนไม่น้อยกลับไหลเข้าไปยังสินทรัพย์ทั่วโลกมากขึ้น
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า การอัดฉีดเงินเข้าระบบจำนวนมาก
ทำให้ค่าของเงินสกุลนั้นอ่อนค่าลง
อย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีการทำ QE ในปริมาณมหาศาล
เมื่อรวมกับ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการทางการคลัง
ด้วยการอัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19
จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงไปอย่างมาก จากต้นปี 2019 เมื่อไปเทียบกับเงินสกุลเงินสำคัญต่างๆ ของโลก
ประเด็นก็คือ ในปัจจุบันมีคนถือเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่จำนวนมาก
เพราะดอลลาร์สหรัฐถือเป็นเงินสกุลหลักของโลก
ซึ่งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนที่ถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ เสมือนกำลังถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง
พอเรื่องเป็นแบบนี้ นักลงทุนจึงต้องมองหาสินทรัพย์อื่น
ที่จะเอาเงินไปลงทุน เพื่อชดเชยกับการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นอ่อนค่าลง
ซึ่งสินทรัพย์อื่นที่ว่านั้น ก็อย่างเช่น หุ้น, ทองคำ หรือแม้กระทั่ง Bitcoin
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งปัจจัย ที่ทำให้สินทรัพย์เหล่านี้ มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั่นเอง
- ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นประมาณ 23%
- ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นประมาณ 47%
- ราคาทองคำ เพิ่มขึ้นประมาณ 18%
- ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นประมาณ 400%
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้
แม้จะเห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมา ราคาสินทรัพย์เหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง
แต่คำถามสำคัญคือ การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เหล่านั้น
มาจากปัจจัยพื้นฐาน หรือผลประกอบการที่แท้จริงมากแค่ไหน
หรือว่าจริงๆ แล้ว มันเกิดจากสภาพคล่องที่ล้นตลาดจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ
เพราะถ้าวันหนึ่ง ที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
รัฐบาลหลายประเทศจะต้องลดการใช้จ่ายเงินลง
และธนาคารกลางหลายประเทศก็จะต้องหยุดการอัดฉีดเงินเข้าระบบ
เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็น่าติดตามเหมือนกันว่า
ในตอนนั้น ราคาสินทรัพย์เหล่านี้
จะยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นเหมือนช่วงที่ผ่านมา ได้หรือไม่ ? ..
╔═══════════╗
ง่ายๆ แค่เปิด Radars Point ทุกครั้งก่อนช้อป Lazada, Shopee, JD Central ฯลฯ เพื่อรับ Point คืน ให้คุณเลือกลงทุนแผนลงทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ
.
สำหรับแฟนเพจลงทุนแมนและเป็นผู้ใช้ใหม่ Radars Point เพียงกรอกโค้ดลับ LTM8 รับฟรี 8 Point นำไปเริ่มต้นลงทุนได้ฟรีเลย!
.
ดาวน์โหลดที่นี่ > https://radarspoint.page.link/longtunman
รายละเอียดเพิ่มเติม > https://blog.radarspoint.com/radars-point
.
#RadarsPoint
#ลงทุนง่ายๆไม่ต้องใช้เงิน
╚═══════════╝
References
-https://www.businesstoday.co/opinions/24/09/2020/50801/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reflation
-https://www.atlanticcouncil.org/blogs/econographics/global-qe-tracker/
-https://www.investing.com/currencies/us-dollar-index
-https://www.upmyinterest.com/fund?tick=Bitcoin
-https://th.tradingview.com/symbols/BTCUSD/
nasdaq jd 在 DroidSans Facebook 的最佳貼文
โพสต์นี้เราเอาเคสของ e-commerce หน้าใหม่ในจีน ที่ชื่อว่า Pinduoduo (อ่านว่า พินตัวตัว) ที่ใหญ่ขึ้นมาเทียบชั้น Alibaba และ JD ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งปัจจุบัน IPO เข้าตลาดหุ้น NASDAQ ในอเมริกาได้สำเร็จด้วยมูลค่าเกือบ 9 แสนล้านบาท
เชื่อว่าในไทยอาจจะยังไม่รู้จักกันเยอะนัก แต่ที่จีนคือดังพลุแตกไปเรียบร้อย ส่วนกลยุทธจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามกันครับ
nasdaq jd 在 Nasdaq - Facebook 的推薦與評價
JD.com receives #NASDAQ Crystal at the Opening Bell to celebrate its #IPO! $JD #JDIPO. ... <看更多>